วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เผยเด็กทั่วโลก15 วินาทีตาย1คน ด้วยโรคปอดบวม

ลูกที่เป็นเด็กเล็กที่มีความเสี่ยงป่วยด้วยโรค  "ปอดบวม" ได้ง่าย โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจจนเกิดอาการอักเสบบริเวณเนื้อปอด และหลอดลม จัดเป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจในเด็กที่รุนแรงและเป็นปัญหาสำคัญของ ประเทศไทยและทั่วโลก บางครั้งอาจทำให้เกิดความพิการ และหากป่วยรุนแรงมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้  โดยเฉพาะในเด็กเล็ก  ผู้สูงอายุ  ผู้ป่วยเรื้อรัง  หรือผู้ป่วยระยะสุดท้าย  ซึ่งส่วนใหญ่เด็กจะป่วยด้วยโรคปอดบวมมากในช่วงฤดูฝน หรือปลายฝนต้นหนาว 
พบ ว่าปีหนึ่งๆ มีเด็กทั่วโลกกว่า 2 ล้านคนเสียชีวิตด้วยโรคปอดบวม หรือผู้ป่วยเด็กเสียชีวิตจากโรคปอดบวม 1 คน ทุก 15 วินาที สำหรับประเทศไทยในแต่ละปีมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่ป่วยเป็นโรคปอดบวมกว่า 1 แสนคนและเสียชีวิตกว่า 100 คน จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่าในปี 2555 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 – 1 กรกฎาคม 2555  มีผู้ป่วยโรคปอดบวมในทุกกลุ่มอายุจำนวน 81,311 ราย เสียชีวิต 546 ราย  ในจำนวนนี้กลุ่มที่ป่วยเด็กเล็กอายุ 1 ปี มีประมาณร้อยละ 9.54  พื้นที่มีอัตราป่วยสูงสุดคือ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  จึงต้องเฝ้าระวังกลุ่มเด็กที่มีความเสี่ยงดังนี้
  • เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี
  • เด็กที่มีน้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย  เด็กคลอดก่อนกำหนด
  • เด็กที่มีภาวะทุโภชนาการ
  • เด็กที่มีโรคเรื้อรัง  เช่น  โรคหัวใจ  โรคปอด  โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง  โรคทางสมอง
  • เด็กที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำหรืออยู่ในชุมชนแออัด  สุขาภิบาลไม่ดี
  • เด็กที่ได้รับควันบุหรี่จากบุคคลรอบข้าง
  • เด็กที่อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กที่มีจำนวนเด็กมาก ๆ
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องกระตุ้นให้แม่หรือผู้ดูแลเด็กทราบถึงวิธีการดูแลและป้องกันโรคปอดบวมในเด็ก  โดยมีคำแนะนำ สำคัญในการป้องกันโรคปอดบวมในเด็กดังนี้
  1. หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปอยู่ในสถานที่เสี่ยง  เช่น  โรงพยาบาล  โรงหนัง  ห้างสรรพสินค้า  หรือสถานที่มีคนมาชุมนุมกันหนาแน่น
  2. กรณีที่เด็กป่วยมีอาการของไข้หวัด ให้หยุดเรียน  พักผ่อนรักษาที่บ้านจนกว่าจะหาย
  3. ไม่ซื้อยาปฏิชีวนะให้เด็กรับประทานเอง  ควรปรึกษาสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านเพื่อให้การรักษาอย่างถูกต้อง
  4. ดูแลสุขภาพเด็กให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกาย  รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่  พักผ่อนให้เพียงพอ  และรักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง
  5. หัดให้เด็กมีนิสัยหมั่นล้างมือบ่อยๆ ก่อนรับประทานอาหาร  หลังจับต้องสิ่งของสกปรกและหลังจากเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
  6. ผู้ดูแลเด็กที่ป่วยมีไข้ ไอ จาม ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากหรือจมูก  หรือสวมหน้ากากอนามัย และหมั่นล้างมือบ่อยๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น