นายวิทยา บุรณศิริ |
นายวิทยากล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายสร้างความเป็นเอกภาพ ลดความเหลื่อมล้ำของ 3 กองทุนสุขภาพ ซึ่งเริ่มต้นโครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินถึงแก่ชีวิต ไม่ถูกถามสิทธิ์ รักษาฟรี ทุกที่ทุกคน เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2555 ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและได้รับความพึงพอใจ พบปัญหาบ้างเล็กน้อยเกี่ยวกับระบบการส่งต่อของโรงพยาบาลนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขบางแห่งในเขตกทม. ที่ต้องปรับปรุงต่อไป เช่น การสำรองเตียงรับย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลเอกชนเมื่อผู้ป่วยอาการทุเลา และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจเกณฑ์ของคำว่าเจ็บป่วยฉุกเฉิน และให้ไปรับบริการที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
นอกจากนี้ ได้เร่งรัดให้ดูแลเรื่องอาหารปลอดภัย เพื่อลดการป่วย การเสียชีวิต และผลกระทบที่เกิดจากเชื้อโรคและสารเคมีที่ปนเปื้อนในอาหาร และโรคเรื้อรัง ในเรื่องอาหารปลอดภัยได้ให้ทุกจังหวัดตรวจสอบและรับรองมาตรฐานแหล่งผลิต สถานที่ผลิต สถานที่บริการอาหาร และแหล่งกระจายอาหารต้องผ่านเกณฑ์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 เน้นใน 7 แหล่งอาหาร ได้แก่ โรงงานผลิตและแปรรูปอาหาร ตลาดค้าส่ง ตลาดสด ตลาดนัด ร้านอาหารและแผงลอย โรงครัวในโรงพยาบาล โรงอาหารในศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนและสถานศึกษา และสุ่มเก็บตัวอย่างอาหารเพื่อตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย เน้น 7 ประเภท คือ น้ำมันทอดซ้ำ และน้ำมันที่ไม่มีฉลากอย. สารปนเปื้อนในอาหาร 6 ชนิด ได้แก่ บอแร็กซ์ ฟอร์มาลิน สารกันรา สารฟอกขาว ยาฆ่าแมลง และสารเร่งเนื้อแดง น้ำดื่ม น้ำแข็ง นมโรงเรียน เส้นก๋วยเตี๋ยว และอาหารอื่นๆที่เป็นปัญหาของจังหวัด
ในส่วนของโรงพยาบาลให้จัดเมนูชูสุขภาพและอาหารเฉพาะโรคสำหรับผู้ป่วย และในปี 2555 จะพัฒนาอาหารฮาลาลในโรงพยาบาล 5 จังหวัดชายแดนใต้ และ3 จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ รพ.วชิระภูเก็ต รพ.พระนครศรีอยุธยา และรพ.นครพิงค์เชียงใหม่ ให้บริการอาหารฮาลาลที่ปลอดภัยตามหลักศาสนบัญญัติอิสลาม
นอกจากนี้ ได้ให้อย.ดูแลเรื่องมาตรฐานสินค้า โดยเฉพาะการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ต้องมีการบันทึกสูตรปริมาณของส่วนผสมในอาหาร เช่น น้ำตาล ไขมัน ให้ประสานกับภาคอุตสาหกรรม และโอทอป เพื่อสร้างมาตรฐานของอาหารให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี นายวิทยากล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น