นายแพทย์ประดิษฐกล่าวต่อว่า ปัญหาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ส่วนหนึ่งคือความมั่นคงของอาชีพ รายได้สวัสดิการต่างๆไม่พอ ภาระต่างๆ การบรรจุเป็นข้าราชการก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ แต่ก็ยังมีวิธีอื่นที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ เช่น การเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข หรือการจ้างงานระยะยาว มีสวัสดิการที่ใกล้เคียงกับข้าราชการ อย่างไรก็ตามต้องเข้าใจว่ารัฐก็มีข้อจำกัด และมีลูกจ้างชั่วคราวตกค้างอยู่ 2-3 หมื่นคน หากได้มา 4 พันตำแหน่ง ที่เหลือก็ต้องเป็นปัญหาอยู่ดี ก็ต้องหามาตรการมาดูแลให้สองหมื่นนั้นมีความพอใจ และเมื่อพอใจระดับหนึ่งแล้วเขาก็อาจต้องการที่จะอยู่ในระบบต่อไป
ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุข
ได้เร่งแก้ปัญหาเรื่องบุคลากรเป็นการด่วน
คาดว่าปัญหาจะต้องได้รับการยุติภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ คาดว่าจะมีข้อสรุป
เช่น
- อาจมีการเกลี่ยอัตรากำลังที่เหลืออยู่และไม่ได้ใช้ หรือรอการบรรจุที่หาบุคคลเหมาะสมไม่ได้ เช่นพยาบาลห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัดต่างๆ ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นตำแหน่งพยาบาลทั่วไปมาลง แต่การปรับปรุงทั้งหมดต้องมีการเจรจากันจนจบก่อน
- การจัดทำหลักเกณฑ์ในการบรรจุ เช่นเป็นพยาบาลอยู่ในตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราวมาแล้ว 5-6 ปีขึ้นไป อยู่ในพื้นที่ขาดแคลน ซึ่งจะพยายามทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเข้าใจถึงความเดือดร้อนของบุคลากร และการแก้ปัญหาต้องหารูปแบบต้องให้พึงพอใจทุกฝ่าย
นายแพทย์ประดิษฐกล่าวต่อไปว่า สำหรับด้านเมดิคัลฮับนั้น
ก็จะดำเนินการต่อไป แต่จะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อระบบสุขภาพประชาชน
ซึ่งจะใช้โรงพยาบาลภาคเอกชนเป็นตัวหลัก โดยจะลดข้อจำกัดต่างๆ
เช่นเรื่องวีซ่าการเข้าประเทศ ที่เคยมีจำกัดว่าได้แค่ 90 วัน
อาจจะให้มีการขยายเป็น 180 วัน เพิ่มจำนวนผู้ติดตามขึ้นมาจาก 2 คนเป็น 4-6
คน และเพิ่มจุดขาย เช่น ประเทศเกาหลีไต้ขายด้านศัลยกรรมความงาม
สิงคโปร์ก็เน้นเรื่องโรคยากๆ
เพราะฉะนั้นเรื่องนี้รัฐบาลต้องเข้าไปช่วยและหาจุดขาย
แต่อยู่ภายใต้ข้อคำนึงที่ว่าต้องไม่กระทบต่อระบบสุขภาพของคนไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น