นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว |
นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า โรคเบาหวานเป็นโรคไม่ติดต่อ เป็นแล้วจะมีอาการเรื้อรัง รักษาไม่หายขาด เป็นภัยเงียบ คุกคามสุขภาพและชีวิตของประชากรทั่วโลก สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ คาดการณ์ว่า ในปี 2553 ทั่วโลกมีผู้ป่วยเบาหวานอายุ 20-79 ปี 285 ล้านคน จะเพิ่มเป็น 438 ล้านคนในปี 2573 ในจำนวนนี้ 4 ใน 5 เป็นชาวเอเชีย ที่สำคัญคือมีเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี 4.4 แสนคนป่วยเป็นเบาหวานชนิดที่ต้องพึ่งอินซูลิน และแต่ละปีมีเด็กมากกว่า 70,000 คน มีแนวโน้มป่วยเป็นเบาหวานชนิดนี้ ซึ่งจะทำให้มีอายุสั้นลงอีก 10-20 ปี โดยพบในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากที่สุดสำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้ตรวจคัดกรองประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป จำนวน 22.2 ล้านคน ในพ.ศ.2554 พบผู้ป่วยเบาหวาน 1,581,857 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อน 277,020 ราย คิดเป็นร้อยละ 18 ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด โดยมีภาวะแทรกซ้อนทางไตมากที่สุด เช่นไตวาย ร้อยละ 25 รองลงมาคือแทรกซ้อนทางตาเช่นตาต้อกระจก ต้อหินร้อยละ 23 คาดการณ์ว่าในอีก 8 ปีข้างหน้าไทยจะพบผู้ป่วยถึง 4.7 ล้านราย เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 52,800 ราย แนวโน้มพบในเด็กมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้เด็กไทยเผชิญความอ้วนมากขึ้น หากไม่มีการป้องกันควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ
นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า ต้นเหตุสำคัญ โดยส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานคือความอ้วน เนื่องจากมีการสะสมของเซลล์ไขมันในร่างกาย และสร้างสารที่มีฤทธิ์ดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยนำน้ำตาลในเลือดไปใช้สร้างกล้ามเนื้อและไขมัน และขัดขวางการเผาผลาญน้ำตาลในร่างกาย ระดับน้ำตาลในเลือดจึงสูง เสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดตามมา ทั้งนี้ สัญญาณเตือนของโรคเบาหวาน ได้แก่ ปัสสาวะบ่อยและมากกว่าปกติ คอแห้ง กระหายน้ำ และดื่มน้ำมากผิดปกติ หิวบ่อย กินจุแต่น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว รู้สึกอ่อนเพลียไม่มีแรง ซึมและหายใจหอบเหนื่อยง่าย เด็กบางรายปัสสาวะรดที่นอนตอนกลางคืน หรือปัสสาวะทิ้งไว้มีมดตอม เป็นแผลเรื้อรัง แผลหายช้า คันตามผิวหนัง เป็นต้น หากมีอาการเหล่านี้ขอให้พบแพทย์ ส่วนโรคเบาหวานในเด็ก สามารถสังเกตได้ โดยดูจากน้ำหนักตัวและรูปร่างของลูกว่าเริ่มมีภาวะอ้วน ร่วมกับมีรอยดำรอบต้นคอ ใต้รักแร้ หรือขาหนีบ ให้สงสัยว่าลูกอาจเป็นเบาหวาน ขอให้พาไปพบแพทย์เพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือดว่าสูงผิดปกติหรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น