นายวิทยากล่าวว่า เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯมีพระชนมพรรษาครบ 7 รอบในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จัดโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ให้บริการฝังรากฟันเทียมฟรี ให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส ที่มีปัญหาหลังใส่ฟันเทียมทั้งปากแต่ยังใช้เคี้ยวอาหารไม่ได้ดี จำนวน 8,400 รายฟรี ดำเนินการระหว่าง พ.ศ. 2555-2557 โดยในปี 2555 มีเป้าหมาย 2,000 ราย ปี 2556 จำนวน 2,800 ราย และปี 2557 จำนวน 3,600 ราย เป็นการต่อยอดโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ซึ่งบรรลุเป้าหมายจำนวนกว่า 10,000 ราย ตั้งแต่พ.ศ. 2550-2554ผู้ที่ได้รับการฝังรากฟันเทียมมีความพึงพอใจ สามารถใช้ฟันบดเคี้ยวอาหารได้ดี ทั้งนี้ การฝังรากฟันเทียมตามปกติจะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ราคาประมาณ 50,000-100,000 บาท เนื่องจากต้องนำเข้ารากฟันเทียมจากต่างประเทศ ทำให้ประชาชนไทยจำนวนมากที่มีปัญหา เข้าไม่ถึงบริการนี้
ด้านแพทย์หญิงวิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในโครงการนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯดำเนินการผลิตรากฟันเทียม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานนามรากฟันเทียมฯ ว่า “ข้าวอร่อย”เนื่องจากรากฟันเทียมจะทำให้ผู้ที่สวมใส่ฟันเทียมบดเคี้ยวอาหารได้สะดวกยิ่งขึ้น ทำให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนกระทรวงสาธารณสุขได้ให้สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการให้บริการฝังรากฟันเทียม อบรมทันตบุคลากรเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ในการให้บริการ รวมทั้งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการฝังรากฟันเทียมให้แก่หน่วยบริการต่างๆ ซึ่งมี 126 แห่ง อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข คณะทันต-แพทยศาสตร์ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย โดยทันตแพทย์จะผ่าตัดฝังรากฟันที่บริเวณขากรรไกรล่างทั้ง 2ข้าง เพื่อเป็นตัวยึดฟันเทียมทั้งปากไว้ไม่ให้ขยับไปมาเวลาเคี้ยวอาหาร
ประชาชนที่ต้องการฝังรากฟันเทียมดังกล่าว สามารถลงทะเบียนที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยต้องเป็นผู้ที่ไม่มีฟันจริงเหลืออยู่เลย และใส่ฟันเทียมทั้งปากอยู่แล้ว หรือมีฟันเหลืออยู่ไม่กี่ซี่ มีสุขภาพแข็งแรง หากมีโรคประจำตัวต้องควบคุมได้ดี ไม่เคยฉายรังสีรักษามะเร็งบริเวณศีรษะและคอ และสามารถมาตามที่ทันตแพทย์นัดหมาย 6 – 7 ครั้งได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น