นายวิทยา บูรณศิริ |
นายวิทยา บุรณศิริ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2555 กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายดำเนินการในด้านสุขภาพ 3 ด้านหลัก ได้แก่
- การพัฒนาคุณภาพบริการในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และโรงพยาบาลทุกระดับ ให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเป็นโรงพยาบาลใกล้บ้าน ใกล้ใจมีหมอประจำทุกครอบครัว
- การดูแลอาหารปลอดภัย ทั้งอาหารดิบและสุก
- โครงการลดโรค เพิ่มสุข ซึ่งจะมุ่งเน้นการสร้างสุขภาพดีแก่ประชาชนทุกกลุ่มอายุ ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ต้องอาศัยความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน ประชาชน และสื่อมวลชน ช่วยกันการเผยแพร่ความรู้ในการดูแลสุขภาพ วิธีการป้องกันโรคไปสู่ประชาชนให้กว้างขวางและทั่วถึง
- กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ตั้งเป้าเด็กเกิดใหม่ ซึ่งมีปีละประมาณ 8 แสนคน จะต้องปลอดโรค 3 โรคคือโรคเลือดธาลัสซีเมีย โรคในกลุ่มอาการดาวน์หรือดาวน์ซินโดรม ซึ่งทำให้ปัญญาอ่อน และติดเชื้อเอชไอวี จะให้หญิงตั้งครรภ์และสามีตรวจคัดกรองตั้งแต่อายุครรภ์ยังไม่ถึง 12 สัปดาห์
- ตรวจพัฒนาการเด็กแรกเกิด – 5ปีทุกคน ที่ผ่านมาพบเด็กวัยนี้มีพัฒนาการไม่สมวัยถึงร้อยละ 30 ปีนี้จะมอบสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็กแก่หญิงตั้งครรภ์ทุกราย รวมทั้งหนุนให้เด็กกินนมแม่ทุกคน ซึ่งจะทำให้เด็กไทยมีอีคิว และไอคิวดี
- กลุ่มวัยเรียน เพื่อพัฒนาให้เด็กไทยสูงสมส่วนเหมือนสากลเมื่ออายุ 19 ปี ตั้งเป้าเด็กชายสูงเฉลี่ย 175 เซนติเมตร หญิงสูงเฉลี่ย 165 เซนติเมตร โดยมีโครงการจัดค่ายเด็กไทยสูง 1 จังหวัด 1 ค่าย ส่งเสริมให้เด็กไทยดื่มนมเพิ่มขึ้นวันละ 1 มื้อ 1 ถุง และให้เด็กออกกำลังกาย ขยับกายก่อนเข้าเรียนและวิ่งรอบสนามฟุตบอล 1 วัน 1 รอบ ลดกินขนมกรุบกรอบ เน้นให้ความรู้ฉลากโภชนาการข้างกล่องขนม
- กลุ่มวัยรุ่น อายุ 15-19 ปี ที่มีประมาณ 5 ล้านคน มีพฤติกรรมเสี่ยงและมีเพศสัมพันธ์ 1.25 ล้านคน จะรณรงค์ความรู้เพศศึกษาในโรงเรียน ป้องกันปัญหาตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ที่ผ่านมามีวัยรุ่นตั้งครรภ์ปีละ 2.5 แสนคน
- กลุ่มวัยแรงงาน จัดโครงการวัยทำงานปลอดภัย ปลอดโรคไม่ติดต่อ ได้แก่ เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง กายใจเป็นสุขเน้น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มโรงงาน กลุ่มเกษตรกร และโรงพยาบาล โดยเปิดคลินิกตรวจสุขภาพเกษตรกรครบวงจรในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
- กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ ปีนี้เริ่มจัดบริการ 70 ปีไม่มีคิว จัดหน่วยบริการพิเศษผู้สูงอายุในโรงพยาบาล เช่น การตรวจประเมินสุขภาพของผู้สูงอายุ รณรงค์ให้ปรับเปลี่ยนส้วมจากส้วมซึมนั่งยอง เป็นส้วมชักโครกหรือส้วมนั่งราบห้อยขา เพื่อป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อม และรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งในปี 2573 ไทยจะมีผู้สูงอายุมากถึง 1 ใน 4 ของประชากรไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น