นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ของหมอกควันในภาคเหนือว่า วันนี้มีกระทู้เรื่องนี้ในสภาด้วย สถานการณ์ทั่วไปยังขึ้นๆลงๆ โดยยอดผู้ป่วยสะสมยังเป็นหลักแสน สั่งการให้โรงพยาบาลดูแลกลุ่มเสี่ยงอย่างใกล้ชิด สำหรับที่จังหวัดเชียงรายเราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ในประเทศพม่า ยังควบคุมไม่ได้ เมื่อวานนี้ก็ได้เสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศช่วยประสานด้วย
นายวิทยากล่าวว่า จากรายงานการเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพจากปัญหาหมอกควันใน 8 จังหวัดภาคเหนือ พบว่าในรอบ 7 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 – 7 มีนาคม 2555 ในโรงพยาบาล 87 แห่งมีรายงานผู้ป่วยเข้ารับการรักษาใน 4 กลุ่มโรค ได้แก่ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด 23,685 ราย กลุ่มโรคทางเดินหายใจทุกชนิด 24,837 ราย กลุ่มโรคตาอักเสบ 2,265 ราย กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ 2,610 ราย
ทางด้านนายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงสุขภาพประชาชนจากปัญหาของหมอกควัน ในส่วนของงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการแก้ไขนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งในเรื่องงบอุดหนุนที่จะใช้ดำเนินการทั้งระยะสั้นระยะยาว และได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระดมในเรื่องของฝนหลวงให้เต็มขีดความสามารถ โดยเน้นเรื่องของชีวิตคน เรื่องสุขภาพเป็นอันดับแรก
นายแพทย์สุรวิทย์กล่าวว่า ในของกระทรวงสาธารณสุข ขณะนี้มีความพร้อม และเร่งดำเนินการป้องกัน โดยให้คำแนะนำประชาชน ไม่ให้ออกกำลังกายกลางแจ้งนานเกินไปและให้ใช้หน้ากากอนามัย รวมถึงปิดประตูหน้าต่างบ้าน และเตรียมสถานที่พักพิงชั่วคราวของประชาชน หากสถานการณ์วิกฤติมากกว่านี้โดยใช้อาคารหอประชุมขององค์การบริหารส่วนตำบลหรือหน่วยราชการอื่น ในกรณีที่มีหมอกควันสูงเกินกว่า 300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
นายแพทย์สุรวิทย์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้มีพื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่นละอองเกิน 300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรอยู่บ้างโดยเฉพาะที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จะนานกว่าที่อื่น แต่ประชาชนก็ยังสมัครใจที่จะอยู่ในพื้นที่ ยังไม่อพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิง ซึ่งโชคดีว่าถึงแม้จะเกิน 300 ไมโครกรัม แต่เกินในระยะเวลาสั้นๆ เพราะตอนเช้าอากาศเย็นไม่มีลม ฝุ่นละอองจะเข้มข้นมาก แต่พอมีลม มีแดด อากาศร้อนขึ้นในตอนบ่าย ปริมาณฝุ่นจะลดลง
ขอแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกเพื่อลดปริมาณฝุ่นเข้าสู่ปอด โดยหากปริมาณฝุ่นละอองเกิน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร จะเป็นอันตรายต่อผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคเดิมอยู่ ถ้าเกิน 200 ไมโครกรัมฯ แม้จะเป็นคนปกติก็จะมีอาการป่วย ถ้าเกิน 300 ไมโครกรัมฯ ควรมีการเคลื่อนย้ายประชาชน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าค่าฝุ่นละอองจะไม่เกินมาตรฐาน แต่ถ้าออกมาที่กลางแจ้ง แม้ว่าจะมีสุขภาพดีก็ตาม ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน เพราะฝุ่นละอองเหล่านี้ เมื่อเข้าสู่ปอด จะไปเคลือบอยู่ที่ถุงลมปอด และทำให้ถุงลมปอดอักเสบและเกิดโรคตามมาได้
นายแพทย์สุรวิทย์ กล่าวต่อไปอีกว่า ปัญหาหมอกควันนี้ คงเป็นปัญหาระยะยาวต่อไป ในการป้องกัน ในอนาคต กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเข้าไปดูแลเรื่องการทำปุ๋ยชีวภาพจากเศษไม้ ต้นไม้ที่จะเป็นเชื้อเพลิงในการเผา รวมถึงกระทรวงพลังงานจะพิจารณาสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวะมวลในพื้นที่ภาคเหนือมากขึ้น เพื่อลดปริมาณกิ่งไม้ ใบหญ้าที่จะนำมาเผาเป็นเชื้อเพลิงให้เข้าสู่โรงงาน จะได้กำจัดมลพิษ มลภาวะโดยระบบของโรงไฟฟ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น