นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว |
นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า ในปี พ.ศ.2558 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เชื่อว่าหลังจากนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการสาธารณสุข คาดการณ์ว่าความต้องการแพทย์แผนไทยฯจะมีแนวโน้มมากขึ้น กระทรวงฯ ได้วางแผนรองรับไว้ 3 เรื่องหลักๆเพื่อให้มีศักยภาพการแข่งขันระดับนานาชาติ ได้แก่
- เพิ่มบุคลากรด้านแพทย์แผนไทย ให้มีจำนวนเพียงพอ ในเบื้องต้นจะให้ประจำการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. ทุกแห่ง ซึ่งเป็นบริการด่านหน้าและอยู่ใกล้ชิดชุมชนที่สุด ขณะนี้ได้ให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยเร่งสำรวจความเหมาะสมของอัตรากำลัง ตั้งเป้าภายในปี 2558 รพ.สต.ทุกแห่ง ต้องมีบริการแพทย์แผนไทยขั้นพื้นฐาน คือใช้ยาสมุนไพรพื้นฐานและบริการนวดไทยบรรเทาปวดเมื่อย คลายเครียด
- การพัฒนาศักยภาพสมุนไพรหรือยาไทย เพิ่มรายการยาสมุนไพรเข้าในบัญชียาหลักแห่งชาติใช้ในสถานพยาบาลภาครัฐทั่วประเทศ จาก 71 เป็น 87 รายการ รวมทั้งพัฒนาสมุนไพร อาทิ ไพล บัวบก กระชายดำ กวาวเครือขาว และลูกประคบ ให้เป็นสมุนไพรยอดนิยม มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล สร้างจุดแข็งสินค้าและบริการการแพทย์แผนไทย เตรียมพร้อมต่อการเปิดเขตเสรีทางการค้าอาเซียนหรืออาฟตา ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์เชิงรุกของประเทศสมาชิก ร่วมกันสร้างพลังต่อรองกับเขตประชาคมเศรษฐกิจอื่นๆ โดยเฉพาะตลาดยาสมุนไพร เครื่องสำอาง อาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ของไทย เพื่อให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น คาดการณ์ว่าในช่วงปีดังกล่าว ไทยจะสามารถดึงการค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพร เข้าประเทศได้มหาศาล
- การพัฒนาบริการการแพทย์แผนไทย โดยบูรณาการร่วมกับภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่นโครงการล่องแพที่ จ.กาญจนบุรี มีบริการนวดแผนไทยขนานแท้ มีอาหารพื้นบ้านไทยเพื่อสุขภาพ เบ็ดเสร็จในแพ จะหารือผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและผู้ประกอบการแพท่องเที่ยวต่อไป นายแพทย์ชลน่านกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น