วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556

มาตรการประหยัดพลังงานของกระทรวงสาธารณสุข

นายแพทย์ณรงค์  สหเมธาพัฒน์
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สั่งหน่วยงานในสังกัดทุกแห่ง ลดการใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติต่อเนื่องจนเป็นนิสัย เช่น ให้เปลี่ยนใช้หลอดผอมเบอร์ 5 ลดจำนวนการใช้ลิฟต์ในเวลาไม่เร่งด่วน ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส  การซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ ต้องเป็นรุ่นประหยัดพลังงาน พร้อมเตรียมรับมือช่วงวิกฤตพลังงาน 4-12 เมษายน 2556 ทั้งเครื่องปั่นไฟ น้ำมัน ในระยาวให้หาแหล่งพลังงานทดแทนเช่นพลังงานแสงอาทิตย์
นายแพทย์ณรงค์  สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมาตรการการลดการใช้พลังงาน ตามมติคณะรัฐมนตรีเพื่อรองรับภาวะวิกฤติด้านพลังงานไฟฟ้าในช่วงวันที่ 4 – 12 เมษายน 2556 ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้มีมาตรการควบคุมการใช้ไฟฟ้าและพลังงานของหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศอย่างเคร่งครัด ทั้งในส่วนของสำนักงานด้านการบริหารและสถานพยาบาลทุกแห่ง โดยได้ส่งหนังสือเวียนแจ้งกำชับให้ทุกหน่วยงาน ช่วยกันลดการไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นอย่างจริงจัง และให้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จนเคยชินเป็นนิสัย
           นายแพทย์ณรงค์กล่าวว่า  มาตรการประหยัดพลังงานที่กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการอยู่ขณะนี้ มี  3 มาตรการ ได้แก่
  1. ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เปลี่ยนหลอดไฟจำนวน 880 หลอด ภายในอาคาร 1 ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยเปลี่ยนจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ที 8 ซึ่งใช้ทั่วๆไป เป็นหลอดผอมเบอร์ 5 หรือที 5 (T5) ซึ่งเป็นหลอดชนิดประหยัด และจะเร่งดำเนินการเปลี่ยนหลอดไฟส่วนที่เหลืออยู่อีกประมาณ 4,200 หลอดให้เป็นหลอดผอมทั้งหมด  
  2. ลดจำนวนการใช้ลิฟท์ในเวลาที่ไม่เร่งด่วน โดยให้แต่ละอาคารปิดลิฟท์ 1 ตัว ตั้งแต่เวลา 9.00 น.ถึง 11.00 น. และในเวลา 13.30 น.ถึง 15.00 น. 
  3. จัดพิมพ์แผ่นพับแจกจ่ายสำนักงานต่างๆ ขอความร่วมมือในการใช้เครื่องปรับอากาศภายในสำนักงาน รวมทั้งห้องผู้บริหาร ตามคำแนะนำของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เช่น ให้ปรับตั้งอุณหภูมิที่ 25 องศาเซลเซียส ให้ดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ ปิดเครื่องปรับอากาศและหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกครั้งเมื่อไม่อยู่ในห้อง หรือในเวลาพักเที่ยง  เป็นต้น  โดยได้มอบหมายให้สำนักโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของกระทรวงสาธารณสุข ติดตามประเมินผล ตั้งเป้าลดการใช้พลังงานลงให้ได้ร้อยละ 10 ต่อเดือน
            โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 4-12 เมษายน 2556 ที่คาดว่าจะมีวิกฤตด้านพลังงาน ได้กำชับให้สถานบริการทั่วประเทศเตรียมพร้อมรับมือ เช่นเตรียมเครื่องสำรองไฟ เตรียมน้ำมันสำรองให้เพียงพอ เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อการให้บริการรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วย    

สำหรับการประหยัดพลังงานในระยะยาวนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ทุกหน่วยงานในสังกัดลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าลงอย่างต่อเนื่อง เช่น หากมีการจัดซื้ออุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ทดแทนเครื่องเก่าที่ชำรุดของสำนักงาน จะต้องซื้อชนิดที่เป็นรุ่นประหยัดพลังงานเสมอ เป็นต้น รวมทั้งให้จัดหาพลังงานทดแทน เช่นพลังไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์  ซึ่งการประหยัดนั้นไม่ได้ดูที่ค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเน้นให้ทุกคนทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการใช้พลังงานและไฟฟ้าอย่างคุ้มค่า และมีประโยชน์มากที่สุด แต่ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการประชาชนด้วย  นายแพทย์ณรงค์กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น