วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

กระทรวงสาธารณสุขได้ขยายบริการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อยู่ในระยะสุดท้าย

นายแพทย์วชิระ  เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า  ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ขยายบริการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิต  ซึ่งส่วนใหญ่จะดูแลที่บ้าน โดยให้ทีมสุขภาพของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ร่วมกับโรงพยาบาลชุมชนและอสม.ออกไปให้การดูแลที่บ้านอย่างต่อเนื่องด้วย    เพื่อช่วยลดความทุกข์ทรมานผู้ป่วย  

สำหรับปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งที่สำคัญมี 5 ประการได้แก่ ความอ้วน การดื่มสุรา การสูบบุหรี่ การไม่ออกกำลังกาย และไม่กินผักผลไม้สดโดยโรคมะเร็งจะค่อยๆก่อตัว ค่อยเป็นค่อยไป ไม่รู้ตัว จึงขอแนะนำผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรตรวจสุขภาพ ค้นหาความผิดปกติอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หากตรวจพบเร็วโอกาสรักษาหายจะมีสูง 
ขณะเดียวกันได้จัดระบบการป้องกัน   และการค้นหาผู้ที่เริ่มมีความผิดปกติ แต่ยังไม่รู้ตัว เช่นผู้หญิงที่อายุ  30 ปีขึ้นไป  จะรณรงค์ให้ตรวจหามะเร็งปากมดลูกให้ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80  ตรวจมะเร็งเต้านมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90   หากพบความผิดปกติจะได้รับการผ่าตัดภายใน 1 เดือน ซึ่งมีโอกาสหายเป็นปกติสูงมาก หากเซลล์มะเร็งยังไม่ลุกลามไปที่อื่น  ส่วนในบางเขตบริการฯ เช่นในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่พบโรคมะเร็งตับสูง จะตรวจหาไข่พยาธิใบไม้ตับในอุจจาระ หากพบจะให้ยาฆ่าพยาธิและปรับพฤติกรรมเลิกกินปลาน้ำจืดดิบ ๆสุกๆ ด้วย สำหรับการป้องกันโรคมะเร็ง มีหลักการง่ายๆคือ 5 ทำ 5 ไม่  กิจกรรมที่ควรทำ 5 ประการได้แก่

  1. ออกกำลังกายประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 ครั้ง ครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาที จะป้องกันความอ้วน ลดความเครียดได้ 
  2. ทำจิตแจ่มใส  ทำได้หลายวิธีเช่นออกกำลังกาย การทำบุญตามวิถีแห่งศาสนา การทัศนศึกษา 
  3. กินผักผลไม้สดให้ได้วันละครึ่งกิโลกรัม ในผักผลไม้มีสารต้านมะเร็ง เช่นวิตามินเอ สารเบต้าแคโรทีน และมีเส้นใยอาหาร ทำหน้าที่คล้ายแปรงไปกระตุ้นผนังลำไส้ใหญ่ให้สร้างเมือกมากขึ้น ทำให้ระบบขับถ่ายดี 
  4. กินอาหารให้หลากหลาย ไม่ซ้ำซาก จำเจ และใหม่สด สะอาด ปราศจากเชื้อรา ลดอาหารที่มีไขมันสูง  อาหารปิ้งย่าง หรือทอดไหม้เกรียม  อาหารหมักดองเค็ม และ5. ตรวจร่างกายเป็นประจำ  

สิ่งที่ไม่ควรทำมี 5 ประการคือ

  1. ไม่สูบบุหรี่ โดยพบว่ามะเร็งปอดร้อยละ 80 เกิดจากสูบบุหรี่ ปัจจุบันพบมะเร็งปอดรายใหม่ปีละกว่า 10,000 คน หากหยุดสูบบุรี่จะป้องกันเกิดมะเร็งปอดได้ร้อยละ60-70 
  2. ไม่มีเซ็กส์มั่ว ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย  
  3. ไม่ดื่มสุรา โดยผู้ที่ดื่มสุรามากกว่าวันละ 3 แก้ว จะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง 9 เท่าของคนไม่ดื่ม และหากดื่มมากว่าวันละ 3 แก้วและสูบบุหรี่มากกว่าวันละ 20 มวนด้วย ความเสี่ยงเกิดมะเร็งจะเพิ่มเป็น 50 เท่าตัว  
  4. ไม่ตากแดดจ้า 
  5. ไม่กินปลาน้ำจืดที่มีเกล็ด ดิบๆ เช่นปลาตะเพียน ปลาซิว ปลาสร้อย ปลาเกล็ดขาว                   

ทั้งนี้ประชาชนสามารถสังเกตสัญญาณผิดปกติ สงสัยว่าอาจเป็นมะเร็งมี 7 ประการ  ได้แก่

  1. มีเลือดออกหรือมีสิ่งขับออกจากร่างกายผิดปกติ เช่นตกขาวมากเกินไป 
  2. มีก้อนเนื้อหรือตุ่มเกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่งของร่างกายและก้อนนั้นโตเร็ว 
  3. มีแผลเรื้อรังรักษาหายยาก 
  4. ถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะผิดปกติหรือเปลี่ยนไปจากเดิม 
  5. เสียงแหบหรือไอเรื้อรัง 
  6. กลืนอาหารลำบากหรือทานอาหารแล้วไม่ย่อย 
  7. มีการเปลี่ยนแปลงของหูดหรือไฝ  หากมีอาการเหล่านี้ขอให้ไปพบแพทย์โดยเร็ว 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น